ตอบโจทย์ทุกสัมผัสกับ Relx Infinity Plus
พอตไฟฟ้าในท้องตลาดที่มีจำหน่ายปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรุ่น หลายแบรนด์ผู้ผลิต ทั้งแบรนด์ Kardinal Stick แบรนด์ Infy แบรนด์ VMC หรือ Smok ต่างก็มีผู้รู้จัก และใช้งานกันอย่างทั่วไป แต่สำหรับพอตไฟฟ้าแบรนด์จากประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศจีน อย่างแบรนด์ Relx นั้น ได้มีผลิตภัณฑ์พอตไฟฟ้าระบบปิดหรือ Close Pod System ที่มีคุณภาพอย่าง Relx Infinity Plus+ เป็นพอตไฟฟ้าที่ได้มีการคิดค้น พัฒนาจากรุ่นเดิมอย่าง Relx Infinity รุ่นแรก แตกต่างในหลายจุดที่เป็นการพัฒนาระบบการทำงานของผู้ใช้งาน ให้สามารถทำงานได้เต็มศักยภาพมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงราคาเดิม ได้ชื่อว่า พอตไฟฟ้าราคาประหยัด ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี รวมถึงในแง่การใช้งานก็ใช้งานง่าย ดีต่อสุขภาพมากกว่า ทั้งต่อตัวผู้สูบใช้งานเอง และผู้คนใกล้ชิดอีกด้วย กลิ่นหอมละมุน เหมาะทั้งกับผู้ที่เพิ่งเริ่มสูบใช้งานเป็นครั้งแรก หรืออาจจะเป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างปรับลดจำนวนการสูบลง เพื่อลดนิโคติน หรืออาจต้องการใช้พอตไฟฟ้าเพื่อจะได้เป็นการเลิกสูบบุหรี่ได้อีกด้วยเช่นกัน
Relx Infintiy Plus+ แตกต่างแต่ลงตัว ดีกว่า ตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
พอตไฟฟ้าแบรนด์ Relx อย่างรุ่น Infinity Plus+ เป็นพอตไฟฟ้าที่โดยรวมแล้วนั้น มีคุณสมบัติเด่นคล้ายๆ กับใน Infinity รุ่นแรก แต่อาจมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บางจุด เริ่มต้นตั้งแต่ที่ดีไซน์ โดยสำหรับตัว Plus+ นั้น จะมีน้ำหนักตัวเครื่องที่เบากว่าเล็กน้อย ตัวพอตได้มีการใช้วัสดุที่รักษ์โลก และประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม ใช้วัสดุพลาสติกแต่เป็นพลาสติกในเกรดดี ที่มีคุณภาพ และความทนทานสูง ดีไซน์ของตัวเองเรียบง่าย ในสไตล์มินิมอล ก้นพอตเป็นทรงเหลี่ยม ตัดมุมทำให้ไม่ต้องระวังคมของตัวพอต จุดเด่นของ Plus+ นั้น คือ ขีดแนวนอน 4 ขีดที่อยู่ตรงกลางตัวพอต จะเป็นจุดแสดงสถานะการทำงานของตัวพอตแล้ว ยังเป็นจุดที่แสดงถึงระดับกำลังของแบตเตอรี่ของตัวพอต คือ เมื่อสูบใช้งานนั้น จะมีสัญญาณไฟวิ่งบริเวณกลางตัวพอตที่ขีดกลางตัวพอต เล่นระดับจากล่างวิ่งขึ้นบน เป็นสัญญาณไฟสีขาว อีกทั้ง ขีดตรงกลางตัวพอตทั้ง 4 ขีดนั้น จะเป็นตัวแสดงถึงระดับของกำลังแบตเตอรี่ในตัวพอตด้วยเช่นกัน นั่นคือ หากเมื่อเริ่มต้นใช้งาน เสียบหัวน้ำยาพอตลงไป แล้วสัญญาณไฟกลางตัวพอตขึ้น 4 ขีดเต็ม เท่ากับแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่ 100% แต่หากขึ้น 3 ขีด เท่ากับแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่ 75% หากขึ้นที่ 2 ขีดเท่ากับแบตเตอรี่มีกำลังไฟที่ 50% แต่หากมีเพียง ขีดเดียวนั่นหมายถึง แบตเตอรี่เหลือเพียง 25% ผู้ใช้งานสามารถชาร์จแบตเตอรี่ตัวพอตได้ทันที เพราะแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว กำลังแบตเตอรี่ภายในนั้นมี 380 mAh ซึ่งสามารถใช้สูบได้ทั้งวัน ไม่ต้องกังวลในเรื่องของแบตเตอรี่ตัวพอตหมดระหว่างวัน ใช้สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB Type C และใช้เวลาในการชาร์จประมาณ 40-45 นาที โดยประมาณ ทั้งนี้ตัวพอตยังมีการแจ้งเตือน เพื่อสุขภาพ โดยหากผู้สูบใช้งาน สูบติดต่อกัน 15 ครั้ง ภายในเวลา 15 นาที ตัวพอตจะมีการสั่นแจ้งเตือนว่า ร่างกายได้รับนิโคตินในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกายแล้ว ไม่ควรสูบใช้งานมากไปกว่านี้ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ตัวพอตมีระบบป้องกันน้ำยารั่วซึมเป็นอย่างดี รวมทั้งฟีลสูบที่ละมุนไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกนุ่มๆ แต่สามารถเต็มอิ่มกับสัมผัสได้อย่างพอดี
สิ่งสำคัญอีกอย่างของ Infinity Plus+ โดยอิงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากแบรนด์ Relx คือ ฟีลสูบที่นุ่มนวล ละมุนละไม แบบ Super smooth สามารถใช้งานหัวน้ำยาพอตได้หลากหลาย ไม่จำกัดแค่เพียงว่าจะต้องเป็นหัวน้ำยาของแบรนด์ Relx เพียงเท่านั้นอีกด้วย โดยสามารถใช้หัวน้ำยาพอตทั้ง Relx Infinity , Infy , Marbo หรือหัวน้ำยา 7-11 ได้เช่นกันด้วย สามารถสูบได้เต็มอิ่มเช่นกัน กลิ่นหัวน้ำยาพอตยอดนิยม มีหลากหลายมากกว่า 26 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นแตงโม กลิ่นโคล่า กลิ่นมิ้นขั้วโลก กลิ่นลิ้นจี่ กลิ่นองุ่น กลิ่นส้มยูสุ กลิ่นส้มแฟนต้า กลิ่นฝรั่ง กลิ่นเมลอน กลิ่นเลมอน กลิ่นรูทเบียร์ กลิ่นน้ำเขียวโซดา กลิ่นสไปร์ท กลิ่นชาเขียวมะลิ กลิ่นพันซ์ กลิ่นมะม่วง กลิ่นแอปเปิ้ลเขียว กลิ่นเสาวรส กลิ่นสตรอเบอรี่ กลิ่นไอติมเผือก กลิ่นบลูเบอรี่ กลิ่นสัปปะรด กลิ่นเลมอนมิ้นท์ กลิ่นคลาสสิกยาสูบ กลิ่นถั่วเขียว กลิ่นมะพร้าวสัปปะรด และยังมีกลิ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอีกมากมายด้วย ทั้งนี้หัวน้ำยาของ Relx Infinity จะมีขนาดบรรจุที่ 2 ml. หรือ 2 มิลลิลิตร สามารถสูบใช้งานได้ประมาณ 400-600 คำ แต่ทั้งนี้แล้วแต่พฤติกรรมการสูบใช้งานของแต่ละคนด้วย
คุ้มกว่ากับการลงทุนเพื่อสุขภาพกับ Relx Infinity Plus+
การเลือกพอตไฟฟ้านั้น ยิ่งควรเป็นพอตไฟฟ้าที่มีคุณภาพ จากแบรนด์ดังที่มีชื่อเสียง เพื่อจะได้เป็นการการันตีคุณภาพ และความน่าเชื่อถือ มาตรฐานการผลิต รวมถึงเป็นสินค้าของแท้ ไม่เป็นสินค้าปลอม หรือของลอกเลียนแบบ เพราะทั้งนี้ แบรนด์ Relx เองยังมีปัญหาเรื่องสินค้าของปลอม ที่ผลิตหรือทำออกมาเลียนแบบกับของแท้ โดยมีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ ดูที่ประเทศการผลิต หรือแนะนำวิธีที่ผู้ใช้งานสามารถทำได้ด้วยตนเอง อย่างการสแกน QR Code ที่ข้างกล่องตัวเครื่อง ว่ามีหมายเลขตรงกับหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ หรือตรงบริเวณบาร์โค้ดว่าตรงกันหรือไม่ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถเช็คได้ด้วยตนเองง่ายๆ เช่นกัน
