การใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอย่าง Pod Ks มีผู้คนให้ความสนใจ และเปลี่ยนมาใช้งานเพิ่มมากขึ้น จากข่าวดังเป็นที่ครึกโครมในกลุ่มคนที่ต้องใช้งานบุหรี่อย่างการขึ้นภาษีของบุหรี่มวนธรรมดาหลายเท่าตัว จากปกติราคาปลีกจำหน่ายเริ่มต้นที่ 60-70 บาทต่อซอง แต่มีการขึ้นภาษีจนกลายเป็นการจำหน่ายในราคาเริ่มต้นเปลี่ยนเป็นที่ 80-90 บาทต่อซอง ยังไม่นับถึงบุหรี่เกรดนำเข้าต่างๆ ที่เมื่อบวกภาษีแล้วราคาเกือบซองละ 300-400 บาทด้วยซ้ำไป การเลือกใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ลดภาระ และเพิ่มเงินในกระเป๋าสตางค์ของตนเองให้ได้มากขึ้น ทั้งยังได้ผลพลอยได้อื่น เช่น สุขภาพที่ดีกว่า ลมหายใจที่สะอาดสดชื่น และยังไม่เป็นอันตรายต่อคนใกล้ชิด หรือสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
Pod Ks ใช้แล้วประหยัดกว่าใช้บุหรี่แบบมวน แถมยังสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
บุหรี่ไฟฟ้า Kardinal Stick ที่นอกจากจะตรึงราคาไว้ในราคาเดิม ไม่มีการขึ้นราคาแม้จะเป็นสินค้านำเข้า รวมถึงการใช้งานก็ง่ายไม่ยุ่งยาก เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายด้วยแล้ว ต่อเดือนการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าจะประหยัดกว่าบุหรี่มวนธรรมดาหลายเท่าตัวอย่างมาก โดยเมื่อเริ่มต้นใช้งานครั้งแรกนั้น ผู้ใช้งานจะต้องซื้อตัวเครื่อง ซึ่งสำหรับ Kardinal Stick นั้นเป็นพอตไฟฟ้าแบบ Close Pod System ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก หัวน้ำยาพอตเป็นแบบใช้งานเมื่อหมดก็ทิ้ง และเปลี่ยนหัวน้ำยาใหม่ใช้ได้ทันที ไม่ต้องดูแลบำรุงรักษาบ่อยครั้ง แค่เพียงไม่ทำตกหล่นจากที่สูง หรือกระแทกกับสิ่งของอื่นแรงๆ เท่านี้ก็พอ ที่สำคัญน้ำยาพอตหนึ่งหัวนั้น สามารถใช้งานได้สูงสุดประมาณ 350-500 สูบ ตกหนึ่งหัวพอตใช้งานได้นานประมาณ 1เดือนถึง 1 เดือนครึ่ง หากไม่ได้ใช้งานประจำก็สามารถอยู่ได้นานเกือบ 2 เดือน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย ถ้าหากมีตัวเครื่องแล้ว ในการใช้งานครั้งต่อไปก็จะซื้อเพียงน้ำยาพอตเท่านั้น โดยน้ำยาพอตจะตกราคาต่อหนึ่งหัวน้ำยาแค่เพียงร้อยต้นๆ เท่านั้น ถือว่าประหยัดกว่าการใช้บุหรี่มวนธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ที่สำคัญฟีลสัมผัสที่ผู้ใช้งานจะได้รับนั้น ยังเต็มอิ่มไปกับนิโคตินได้ง่ายๆ แบบแน่นๆ จ่ายไฟแรงถึงใจ ไม่มีสะดุดแน่นอน
บุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า ks kurve นั้น การันตีถึงคุณภาพ มาตรฐานในระดับสากลที่มีออกจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งในบางประเทศยังให้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย เพียงแต่อยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น โดยควรเลือกซื้อจากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ มีช่องทางการติดต่อสอบถามหลากหลาย การให้บริการและการรับประกันสินค้าที่ดี เพื่อป้องกันไม่ให้โดนหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพที่ไม่หวังดี ที่ยังคงมีปะปนอยู่ด้วยนั่นเอง
